digital-marketing

เหตุผลที่บริษัทใช้ Digital Marketing เพื่อเอาตัวรอดจาก COVID-19

1024 681 admin

สถานการณ์ Covid-19 เป็นเครื่องชี้วัดว่าธุรกิจไหนรอดหรือไม่รอด ในภาวะวิกฤตเช่นนี้จึงมีหลาย ๆ ธุรกิจที่ต้องปิดตัวลง หรือไม่สามารถจัดอีเว้นท์ได้ ซึ่งหัวใจสำคัญที่ยังทำให้ผู้ประกอบการยังคงประกอบกิจการได้คือ การปรับตัวให้เข้าสถานการณ์ มีแผนงานที่ยืดหยุ่นเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือ การใช้เครื่องมือ Digital Marketing ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอาจจะได้เห็นธุรกิจต่าง ๆ ใช้กลยุทธ์ดิจิทัลมากขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัท B2B ที่อยู่ในอุตสาหกรรม Exhibitions การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าต้องใช้เครื่องมือดิจิทัลเป็นหลัก ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กที่ธุรกิจเติบโตจากการบอกปากต่อปาก ในภาวะวิกฤติจึงเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบหนัก

ส่วนบริษัทขนาดใหญ่ แม้ว่าจะเสียลูกค้าเป็นหลักล้านคน จากการยกเลิกการจัดอีเว้นท์ แต่ความได้เปรียบคือบริษัทมีประกัน และมีงบสำหรับวางกลยุทธ์ใหม่เสมอ ซึ่งเทรนด์การตลาดในปัจจุบัน ผู้ประกอบการต้องอาศัยการทำการตลาดผ่าน Facebook ทั้งในรูปแบบ Social Marketing, Content Marketing ตลอดจนการใช้ Influencer และการทำ SEO เพื่อให้ติดอันดับในหน้า Google

ดังนั้น  ยิ่งธุรกิจสามารถปรับตัวและใช้ Digital Marketing ได้มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นผลดี โดยเฉพาะหากคุณเป็นซัพพลายเออร์ B2B ที่ต้องมีปฎิสัมพันธ์กับลูกค้า การใช้ Digital Marketing จะยิ่งทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงฐานผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น เพราะถ้าคุณไม่เปิดโอกาสเรียนรู้เครื่องมือการตลาดยุคใหม่ นอกจากจะทำให้เสียโอกาส ยังมีความเสี่ยงอีกหลายด้านในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังผันผวน

ตามที่ Scott Jones CEO of 123 Internet Group กล่าวว่า “เราอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอน บริษัทต่างๆ จึงทำงานด้วยระบบ Remote Working และใช้ Digital Marketing กันมากขึ้น ซึ่งในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเราจะเห็นบริษัทต่าง ๆ ปรับการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ เช่น การสร้างเว็บไซต์ การอัพเดตเว็บไซต์ การเปิดช่องทางอีคอมเมิร์ซใหม่ ๆ การสร้างแคมเปญโซเชียลมีเดียที่เน้นการทำงานจากที่บ้าน การทำ SEO การใช้กลยุทธ์ Influencer Marketing เป็นต้น เพื่อเข้าถึงผู้เข้าชมหรือลูกค้าใหม่”

ระบบการทำงานในปัจจุบัน พนักงานอาจจะทำงานจากออฟฟิศ ทำงานจากที่บ้าน หรือที่ไหนก็ได้ มีข้อดีคือทำให้นักการตลาดมีเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น มีเวลาในการคิดและพัฒนากลยุทธ์ดิจิทัลได้มากกว่าเดิมแต่หากว่าก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤติ Covid-19 บริษัทคุณเน้นการทำการตลาดแบบออฟไลน์ ขณะนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่บริษัทจะทบทวนกลยุทธ์ใหม่ หันมาให้ความสำคัญกับ Digital Marketing มากขึ้น ซึ่งก็ทำได้ไม่ยาก แค่เริ่มต้นจากการปรับปรุงเว็บไซต์ หรืออัพเดตข้อมูลในโซเชียลมีเดีย ให้มีความเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ

Ratnesh Singh Head of Global Business ของ Events Technology Agency Buzznation ระบุว่า เพิ่งพบว่าจริง ๆ แล้วลูกค้าไม่ต้องการเสีย Connection ในการทำงาน แต่กำลังมองหาวิธีการใหม่ ๆ โดยลูกค้าที่ต้องการจัดงานอีเว้นท์ ประมาณ 50-60% อยากลองวิธีการทำการตลาดแบบใหม่ โดยใช้งบก้อนเดิม

“หน้าต่างแห่งโอกาสอยู่ที่นี่ เมื่อทุกอย่างกลับไปสู่เหตุการณ์ปกติ (ใช้งบประมาณเก่า) แต่คุณจะประสบความสำเร็จจากการลองวิธีการใหม่ และนั่นแหละคือโอกาสแห่งความสำเร็จที่มาจากการปรับตัวในภาวะวิกฤติ”

“ดังนั้นถ้าหากผู้ประกอบการเห็นประโยชน์และโอกาสจากช่องทางดิจิทัล สิ่งนี้จะกลายเป็นแผนดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Plan) ในระยะยาวของธุรกิจ

Buzznation ยังระบุว่า การจัด 3D virtual events ในธุรกิจต่าง ๆ ต้องการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียให้เต็มประสิทธิภาพ หรือใช้เครื่องมือให้ครบทั้งหมด ซึ่ง Ratnesh Singh ย้ำว่า “ลูกค้าหันมาใช้ Facebook หรือ LinkedIn Live เพื่อทำแคมเปญที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งยกเลิกการใช้กลยุทธ์แบบเก่า ๆ ที่ไม่ค่อยได้ผล”

ซึ่งก็แน่นนอนว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์หรือในอีกหลายเดือนข้างหน้า ยังคงเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายที่บริษัทต้องเผชิญกับวิกฤต เพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าการระบาดของโรค Covid-19 จะสิ้นสุดลงเมื่อใด ดังนั้นเพื่อไม่ให้บริษัทสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ การใช้ Digital Marketing จึงเป็นทางออกในการรับมือกับสถานการณ์ได้ดี นอกจากนี้หากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ การใช้ Digital Marketing กลับส่งผลดีกับธุรกิจในระยะยาว ทำให้บริษัทมีระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น สามารถรับมือกับการระบาดในอนาคตได้

 

ขยายธุรกิจให้เติบโต

การพัฒนาของ Digital Innovation ทำให้ธุรกิจเรียนรู้ที่จะเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว หรือเรียกว่าเป็นแผน ‘Next Normal’ เป็นสัญญาณที่ดีในการนำพาธุรกิจก้าวผ่านวิกฤต ภายหลังเจ้าของธุรกิจได้สร้างวัฒนธรรมการทำงานใหม่

นอกจากนี้การทำงานแบบ Remote Working จะทำให้องค์กรมีความโปร่งใส่เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องใช้ Data ชุดเดียวในการทำงานร่วมกัน เพราะพนักงานบางคนอาจทำงานที่ออฟฟิศ แต่บางคนทำงานจากที่บ้าน หรือสถานที่อื่น ๆ จึงมีความจำเป็นที่บริษัทจะต้องจัดระบบข้อมูลให้ตรงกัน เพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำงาน ดังนั้นการปรับตัวการทำงานแบบดิจิทัล จึงไม่ได้ส่งผลดีแค่ความยืดหยุ่นเท่านั้น ยังลดการใช้เอกสารที่ไม่จำเป็น และเพิ่มความโปร่งใสได้อีกด้วย ขณะเดียวกันทางฝั่งลูกจ้างเอง การทำงานรูปแบบใหม่ที่ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้นั้น จะเพิ่มโอกาสการทำงานในอนาคตได้มากขึ้นด้วย หรืออาจจะมีอาชีพใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นก็ได้ จากพัฒนาการของดิจิทัล

ดังนั้นเพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ท่ามกลางความผันผวน หรือสิ่งใหม่ๆ ในยุค New Normol ผู้ประกอบการจะต้องเปิดกว้างในการใช้เครื่องมือดิจิทัลใหม่ ๆ และการหาพันธมิตรใหม่ๆ ซึ่งทาง InterLoop Solutions & Consultancy เองก็ตื่นเต้นกับแพลตฟอร์ม Customer 360 ของ Salesforce

 

ติดตามช่องทางสำหรับรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม ได้ที่ 

Youtube: Interloop Solutions & Consultancy

Leave a Reply

Your email address will not be published.