Interloop Thai and Tradewar

ทางเลือกของประเทศไทยในสงครามการค้า

952 637 admin

ทางเลือกของประเทศไทยในสงครามการค้า

ในขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้โลกต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ประเทศไทยจำเป็นต้องทบทวนนโยบายการค้าอย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออก

ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด ที่ลากมานานแล้วในขณะนี้ ยังมีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน คือผลที่ได้ กับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกและผลกระทบอย่างรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทาน ยิ่งเราดำเนินการเพื่อลดการตกลงของเศรษฐกิจ และหาโอกาสทางการค้าใหม่ ๆ ให้เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจของเราพึ่งพาจีนเป็นอย่างมาก เราจึงอาจได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวจากสงครามการค้า

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ยังมีหลายสิ่งที่เราสามารถทำได้ เพื่อลดผลกระทบของสงครามการค้าที่ยืดเยื้อนี้ ซึ่งรวมไปถึงความจำเป็นในการลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ จากการพึ่งพิงเศรษฐกิจจีน ในขณะเดียวกันก็ขยายการค้าในอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประเทศไทยจะต้องขยายการเข้าถึงตลาดอื่น ๆ ด้วยการเจรจาการค้าอย่างแข็งขัน

ในขณะเดียวกันก็ต้องช่วยให้ภาคเอกชนเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ประเทศต้องรับรองการกระจายต้นทุน และผลประโยชน์ทางการค้าอย่างยุติธรรม โดยการจัดการกับข้อกังวล ที่ประชาชนกังวลในเรื่องกฎหมาย ซึ่งรวมถึงต้นทุนด้านการดูแลสุขภาพ และการทำสวนทำไร่ที่เพิ่มขึ้น

เข้าใจสงครามการค้ามากขึ้น

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่เราเห็นกันนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งที่ซ่อนอยู่ กับความขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการเมืองโลก จึงเป็นเหตุผลที่ความตึงเครียดจะนี้ดูไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ

หนึ่งปีหลังจากการต่อสู้ไปมาทางเศรษฐกิจเพื่อให้ได้การค้าเสรีได้เริ่มต้นขึ้น การส่งออกของสหรัฐอเมริกาไปยังประเทศจีนนั้นลดลงไป 38% ในขณะที่การส่งออกของจีนลดลง 13% เมื่อต้องเผชิญกับภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น เศรษฐกิจทั้งสองกำลังทุกข์ทรมานจากสงครามการค้า เช่นเดียวกับประเทศและธุรกิจที่ดำเนินงานในห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา

การแข่งขันแบบนี้ไม่มีอะไรใหม่ ความขัดแย้งเกิดขึ้นมาตลอดในประวัติศาสตร์ เมื่อใดก็ตามที่อำนาจครอบงำการเมืองระหว่างประเทศถูกท้าทายโดยคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น ในช่วงห้าศตวรรษที่ผ่านมาการแข่งขันทางการเมืองเช่นนี้ก่อให้เกิดสงคราม 12 ครั้งรวมถึงสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนนี้โลกกำลังสั่นคลอนด้วยความวิตกกังวลว่าการเผชิญหน้าทางการเมืองและอุดมการณ์ล่าสุดจะเปิดเผยได้อย่างไร

การขาดดุลการค้าของสหรัฐกับจีน มักจะถูกชี้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้วอชิงตันลดภาษีศุลกากรสินค้าจีนที่สูงขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเคลื่อนไหวนั้นต่างถูกกระตุ้นโดยการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของจีน ความกล้าหาญทางเทคโนโลยีและอิทธิพลระดับโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นั้นไม่ได้ท้าทายสถานะของอเมริกาในฐานะมหาอำนาจแต่เพียงผู้เดียว

การสำรวจจากสถาบันชั้นนำบ่งชี้ว่า อิทธิพลของจีนในเอเชียนั้นเกินกว่าสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน ยกเว้นสหรัฐอเมริกาจะใช้ “อำนาจอ่อน” ในด้านวัฒนธรรมและการศึกษา การปลดระวางสหรัฐในเอเชียทำให้ประเทศจีนได้เข้ามาเติมการค้าการลงทุน และการช่วยเหลือทางด้านการเงิน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอำนาจทางการเมือง

Interloop Thai and Tradewar

โอกาสและความเสี่ยง

หากพูดถึงโอกาสของสงครามการค้า ก็จะต้องมาพูดถึงประเทศญี่ปุ่นที่สงครามการค้านำมาซึ่งโอกาสการคว่ำบาตรการค้าของสหรัฐอเมริกาในปี 1980 ในช่วงนั้นเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาสามารถแข่งขันได้มากขึ้น อุตสาหกรรมญี่ปุ่นจึงย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทยได้รับประโยชน์อย่างมากจากกลยุทธ์นี้ สิ่งเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ อุตสาหกรรมยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ในครัวเรือน และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กำลังย้ายออกจากประเทศจีนเพื่อความอยู่รอด ซึ่งกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นจุดหมายปลายทางหลัก ในขณะที่ประเทศไทยเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่ประเทศใหญ่จะย้ายหลักมาเนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้า

หากแต่ในด้านความเสี่ยงประเทศไทยจำเป็นต้องปรับนโยบายการค้า เพื่อสู้กับกระแสทางธุรกิจของประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน เช่น เวียดนาม แต่ก่อนอื่นไทยต้องลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเศรษฐกิจของจีนมากเกินไป ในทศวรรษที่ผ่านมาการลงทุนของจีนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 46 เท่าจาก 0.3% เป็น 14% ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วงเวลาเดียวกันการส่งออกของไทยไปยังจีนเพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 12% ของการส่งออกทั้งหมดในขณะที่รายรับจากการท่องเที่ยวของจีนเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 29% เศรษฐกิจไทยจะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่เมื่อจีนชะลอตัว

ซึ่งอาเซียนจะสามารถเข้ามาช่วยประเทศไทยได้ในเรื่องนี้ อาเซียนเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยโดยมีส่วนแบ่งรายได้จากการส่งออกไทย 25% (68 พันล้านเหรียญสหรัฐ) นี่เป็นการส่งออกของไทยมากกว่าสองเท่าไปยังตลาดจีน (30 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ณ ปี 2560 บริษัท ไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 214 แห่งกำลังลงทุนในอาเซียนซึ่งมี 161 บริษัท ที่อยู่ในประเทศกัมพูชาลาวพม่าและเวียดนาม (CLMV) เป็นที่ชัดเจนว่าเพื่อรักษาความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยควรสร้างความเข้มแข็งและขยายตลาดส่งออกในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านของเรา

การปรับตัวของไทยในการดึงเศรษฐกิจด้วย BOI

ขณะนี้เพื่อที่จะดึงให้บริษัทต่างชาติมาลงทุนในไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ทำงานเชิงรุกดึงดูดนักลงทุนที่จะย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีน หรือสหรัฐ ให้เข้ามาลงทุนที่ประเทศไทย โดยต้องอยู่ใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) แต่อาจเป็นอุตสาหกรรมอื่น รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะออก “แพ็คเกจพิเศษ Re-Location”  ให้นักลงทุนรายประเทศ หวังรับนักลงทุนเกาหลีใต้ที่สนใจธุรกิจประเทศไทย

นโยบายของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) นั้น คือ การออกแพ็คเกจรีโลเคชั่นหรือมาตรการสำหรับดึงการลงทุนจากประเทศที่เลือกไทยเป็นเป้าหมาย โดยไม่ใช่เรื่องของสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอย่างเดียว แต่จะมีเครื่องมือจากหน่วยงานอื่น ๆ เพิ่มเติม

โดย BOI จะตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อดึงนักลงทุนที่กำลังจะย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย รวมถึงนักลงทุนที่จะไปลงทุนในประเทศอื่น อีกทั้งจะจัดกิจกรรมการตลาดด้วยการ road show ที่ประเทศจีน ญี่ปุ่น สหรัฐ ยุโรป โดยจะดึงภาคเอกชนและสถาบันการเงินเข้าร่วม เพื่อสนับสนุนแหล่งเงินทุน และเร่งรัดขั้นตอนการอนุมัติและอนุญาตให้เร็วขึ้น

สำหรับท่านใดที่สนใจปรึกษาธุรกิจ ทางเรามีผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษา พร้อมทั้งบริการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน BOI และการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในต่างประเทศ ท่านสามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท InterLoop Solutions & Consultancy Co.,Ltd. โทร 097-106-9113 ID Line: @inlps

Leave a Reply

Your email address will not be published.