Singapore Company set up Inlps

สิงคโปร์ : ศูนย์กลางนวัตกรรมของโลก

800 350 admin

จากสงครามการค้า (เทรดวอร์) ที่ยืดเยื้อสู่เทคโนโลยีดิสรัปชั่น นักธุรกิจนักลงทุนทั่วโลกกำลังเจอกับระเบิดเวลาที่มีความเสี่ยง แต่ก็ยังพอมีแสงสว่าง จากสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี โดยการประชุมสุดยอดผู้นำครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เจรจากับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ดังนั้นจึงน่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกทะยานและแข็งแกร่งขึ้น จากเดิมที่บริเวณดังกล่าว เป็นความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ของภูมิภาค

ท่ามกลางการเปลี่ยนเกมธุรกิจหรือดิสรัปชั่น สิงคโปร์เป็นประเทศศูนย์กลางด้านนวัตกรรมและวิจัยพัฒนา หัวใจของโลกที่ทำให้เศรษฐกิจภูมิภาคขับเคลื่อน โดยรัฐบาลสิงคโปร์ตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ (Economic Development Board : EDB)  และตั้งหน่วยงานพัฒนาและกำกับดูแลสื่อสารสนเทศต่างๆ ภายในประเทศ (Info-communications Media Development Authority : IMDA) สนับสนุนนักลงทุนในประเทศ โดยการใช้เครื่องมือดังกล่าว เพื่อให้ภาคธุรกิจไปถึงเป้าหมายที่วางไว้

ผู้ประกอบการต้องเจอกับเทคโนโลยีดิสรัปชั่นใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วจนอาจจะตั้งตัวไม่ทัน เริ่มต้นด้วยเครื่องมือดิจิทัลที่ท้าทาย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์และบริการทางการเงิน แต่ทางสิงคโปร์ก็ประสบความสำเร็จในการสร้างระบบนิเวศที่ดึงดูดการลงทุนด้านนวัตกรรมจากต่างชาติ

อย่างสตาร์ทอัพที่ใช้ชื่อว่า Taiger ในสิงคโปร์ เป็นบริษัทก่อตั้งในสเปน แล้วย้ายฐานการผลิตไปสิงคโปร์ในภายหลัง ในลักษณะโฮลดิ้งคอมพานี ทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ได้รับลิขสิทธิ์เกี่ยวกับโซลูชั่นธุรกิจด้านนี้ นอกจากนี้มีบริษัทท้องถิ่นอย่าง V-Key ที่ทำธุรกิจโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยให้กับสถาบันการเงิน หรือระบบการจ่ายเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ และบริษัท ViSenze เทคสตาร์ทอัพที่ใช้เอไอขับเคลื่อนเช่นเดียวกัน ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นเมืองนวัตกรรม (อินโนเวชั่น)

 

ขณะเดียวกันบริษัทที่ธุรกิจแบบดั้งเดิม เช่น

บริษัทผลิตคอนกรีต วัสดุก่อสร้าง Pan-United และบริษัททำลูกชิ้นปลา Thong Siek ก็มีการปรับโครงสร้างการทำธุรกิจใหม่โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วย

นอกจากนี้ความน่าสนใจของบริษัทสิงคโปร์ นอกจากในด้านการนำเอไอมาใช้แล้ว บริษัทสัญชาติสิงคโปร์เป็นบริษัทชั้นนำที่ติดอันดับโลก เช่นในอุตสาหกรรมบริการ The Ascott Limited ถือเป็นหนึ่งในแนวหน้าของเซ็คเตอร์โรงแรม การให้บริการห้องพัก

Singapore Company set up Inlps

ส่วนในประเทศเอง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นเซ็คเตอร์สำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจสิงคโปร์เติบโต ในย่านดาวทาวน์จะเห็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่ V on Shenton บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อพาร์ทเม้นท์และคอนโดมิเนียมในสิงคโปร์ Marina One บริษัทอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส

กิจกรรมทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ส่วนใหญ่มาจากประเทศที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก อย่างจีน อินเดียและอาเซียน ซึ่งการเพิ่มห่วงโซ่คุณค่า (แวลูเชน) ให้กับภาคธุรกิจจนเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้ดิจิทัล หรือเป็นสมาร์ทเนชั่นนั้น จะต้องอยู่ในจุดที่ถูกต้อง ซึ่งหมายถึงมีนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน ประเทศจึงจะได้ประโยชน์จากการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ

เพราะบริษัทระดับโลกและนักลงทุน ต่างมองหาฐานการลงทุนที่มีพลังขับเคลื่อน สิงคโปร์จึงเป็นประเทศตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศ หรือเป็นสปริงบอร์ดกับประเทศในเอเชีย

 

ความเจริญรุ่งเรือง หัวใจการขับเคลื่อนโลก  

เศรษฐกิจเอเชียโตอย่างรวดเร็ว ภูมิภาคนี้เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก โดยธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) รายงานว่า การเติบโตของกลุ่มประเทศเกิดใหม่เอเชีย คิดเป็น 41% ของการเติบโตโลกในปี 2561 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 45% ในปี 2563 โดยการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นมาจากภาคการบริโภคในเอเชียที่มาจากกลุ่มคนชนชั้นกลาง อย่างในอาเซียน เมืองและภาคอุตสาหกรรมเติบโตเร็วจากความต้องการด้านอีคอมเมิร์ซ หุ่นยนต์หรือโรโบติก และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things : IoT)

สำหรับหัวใจที่ขับเคลื่อนภูมิภาค สิงคโปร์เป็นฐานการลงทุนของบริษัทที่ทำให้เศรษฐกิจเอเชียเติบโต ซึ่งในระยะเวลาไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา สิงคโปร์เป็นอินโนเวชั่นฮับและเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) มีบริษัทจากทั่วโลกเข้าไปจดทะเบียนตั้งบริษัท โดยจะเห็นว่าการเติบโตด้านอินโนเวชั่นของสิงคโปร์ มาจากโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูง สตาร์ทอัพเติบโตจากการเทรนนิ่ง และการให้ความสนับสนุนของรัฐบาล ซึ่งจุดนี้เองเป็นกุญแจสำคัญที่ดึงดูดบริษัทต่างชาติ

นอกจากนี้สิ่งที่ยืนยันว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีอินโนเวชั่นเอื้อการทำธุรกิจคือ การจัดอันดับจากหน่วยงานหรือสถาบันทั่วโลก เช่นในดัชนี Global Innovation Index 2560 ความร่วมมือระหว่าง Cornell University, INSEAD และ the World Intellectual Property Organization ซึ่งสำรวจกว่า 130 ประเทศ ระบุปัจจัยสำคัญที่ทำให้สิงคโปร์ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในการจัดอันดับ มาจากดัชนีชี้วัดในเรื่องคุณภาพทรัพยากรมนุษย์และงานวิจัย ทั้งนี้ในดัชนี Bloomberg’s Innovation 2561 สิงคโปร์ยังคงติดอันดับเมืองอินโนเวชั่นลำดับที่ 3 ของโลก

 

ปัจจุบันสิงคโปร์ยังมีทำเลที่ได้เปรียบในแง่ของการเป็นฮับทดลองความสร้างสรรค์ หรือเป็นศูนย์กลางการทดลองผลิตภัณฑ์และบริการ เพราะทดลองได้สะดวก สร้างสรรค์ได้เต็มที่ โดยความก้าวหน้าของสิงคโปร์ ได้รับการสนับสนุนนวัตกรรมจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน เป็นไปตามแผนการวิจัยและพัฒนา Research, Innovation and Enterprise Plan (RIE 2020) ของรัฐบาล รวมมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 13.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเป็นแผนการลงทุนพัฒนา R&D ของประเทศ ตลอดจนการส่งเสริมด้านนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการในอีก 5 ปีข้างหน้า

นอกจากแผนส่งเสริมด้านอินโนเวชั่นที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตก้าวกระโดดแล้ว ยังมีแผนสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมขั้นสูง ภาควิศวกรรม วิทยาศาสตร์สุขภาพ โซลูชั่นพัฒนาเมืองและความยั่งยืน รวมถึงภาคบริการและเศรษฐกิจดิจิทัลด้วย ทั้งนี้สิงคโปร์พร้อมที่จะสนับสนุนเซ็คเตอร์ใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยีทางการเงิน หรือฟินเทค โดยให้พื้นที่สำหรับทดลองโมเดลธุรกิจใหม่ ภายใต้กฎบังคับที่ยืดหยุ่นได้

Leave a Reply

Your email address will not be published.