จากข่าวที่กำลังดังในช่วงนี้กับการโต้ตอบกันไปมาระหว่างสองประเทศใหญ่ สหรัฐอเมริกาและจีน ที่ทำให้เกิดผลกระทบมากมายไปยังต่างประเทศทั่วโลก อาจทำให้หลายคนสงสัยถึงที่มาที่ไป และยังคงงุนงงอยู่ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น โลกเรากำลังจะมีสงครามครั้งที่ 3 หรือไม่ ผลกระทบของการทะเลาะกันระหว่างสองประเทศมหาอำนาจนี้จะเป็นอย่างไร เพื่อที่จะเตรียมตัวรองรับผลที่ตามมาที่อาจกระทบกับธุรกิจ หรือการค้า สงครามการค้าครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจและจำเป็นที่จะต้องทำความรู้จักไว้ เพื่อป้องกันและรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้น
จุดเริ่มต้นของสงครามการค้า
สงครามการค้าคือ การที่ประเทศหนึ่งเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นหรือกำหนดโควต้าการนำเข้าของสินค้าแต่ละประเทศ โดยทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจและต่างตอบโต้กันด้วยรูปแบบที่คล้ายคลึงกับการปกป้องการค้า และเมื่อความรุนแรงที่ปะทะกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความบาดหมางก็จะแปรเปลี่ยนเป็นสงครามการลดการค้าระหว่างประเทศ
สงครามการค้าของทรัมป์
หากยังจำกันได้ทรัมป์หาเสียงในการเป็นประธานาธิบดีโดยใช้ว่าวาทกรรมว่า “Make America Great Again” จนทำให้เขาชนะในที่สุด ทรัมป์จึงยึดแนวคิดในการบริหารประเทศว่า “”การค้าที่เป็นธรรม ต่างตอบแทน และอเมริกาต้องมาก่อน
เมื่อมาถึงกรณีของประเทศอเมริกา ในปี 2017 นั้นอเมริกาขาดดุลการค้าถึง 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ทรัมป์จึงต้องการลดช่องว่างตรงนี้ โดยการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากจีน ที่เป็นสาเหตุใหญ่ในการขาดดุล โดยเพิ่มในหมวดสินค้าหลัก ๆ คือคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำกว่า 1300 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งหลังจากการประกาศของทรัมป์ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลง ด้วยความกลัวสงครามการค้าระหว่างประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดสามแห่งของโลก ในปลายปี 2018 บริษัทในอมเริกาหลายแห่งได้ก่อตั้ง “Tariffs Hurt the Heartland” เพราะพวกเขาได้รับผลกระทบจากต้นทุนการนำเข้าวัสดุที่สูงขึ้น
จากการขึ้นภาษีนั้นเองทำให้จีนออกมาตอบโต้โดยการเพิ่มภาษีกับสินค้าเกษตรกรรมที่เป็นสินค้ารายได้หลักของกลุ่มฐานเสียงของทรัมป์ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบทำให้เกิดการล้มละลายสูงสุดในรอบทศวรรษ และรายได้ของเกษตรกรในประเทศลดลงกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่าสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2016
นอกจากนั้นประเทศอื่น ๆ จึงออกมาทำข้อตกลงการค้าโดยไม่มีอเมริกา ในเดือนเมษายน 2018 สหภาพยุโรปได้ปรับปรุงข้อตกลงกับเม็กซิโกโดยยกเลิกอัตราภาษีเกือบทั้งหมด ในเดือนกรกฎาคม 2561 สหภาพยุโรปได้ลงนามในข้อตกลงกับญี่ปุ่นเพื่อลดหรือสิ้นสุดอัตราภาษีสำหรับสินค้าเกือบทั้งหมด
สาเหตุของสงครามการค้า สหรัฐ-จีน
การขาดดุลการค้าที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯอยู่ที่ประเทศจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ส่วนการส่งออกที่อเมริการส่งให้จีนจะเป็นสินค้าจำพวกเครื่องบินพาณิชย์ ถั่วเหลือง และรถยนต์
นอกเหนือจากการลดการขาดดุลทางการค้า ทรัมป์ยังต้องการจำกัดการถ่ายโอนเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาไปยัง บริษัทที่จีน ทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดสงครามการค้า
สาเหตุของสงครามการค้า สหรัฐ-จีน
- ทำเนียบขาวระบุว่า พบการปฏิบัติที่ “ไม่เป็นธรรม” หลายประการของจีน รวมถึงกฎหมายห้ามต่างชาติครอบครองกิจการ นั้นหมายความว่า นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้าไปลงทุนในจีนจะต้องมีคนจีนเป็นหุ้นส่วนร่วมด้วย ซึ่งมีผลกดดันให้หลายบริษัทต่างชาติต้องยอมถ่ายโอนเทคโนโลยีให้ เพื่อให้สินค้านั้นเข้าสู่ตลาดจีนได้
- สหรัฐหวั่นนโยบาย Made in China 2025 ซึ่งจีนพยายามที่จะพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพสูง และรวมไปถึงสินค้าไฮเทคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สินค้ากลุ่มไอที ทั้ง Hardware และ Software และสินค้าชนิดอื่นๆ
- สหรัฐต้องการที่จะลดการขาดดุลทางการค้ากับประเทศจีน และรวมไปถึงเรื่องของการว่างงานในสหรัฐ ซึ่งการเพิ่มกำแพงภาษีในมุมมองทรัมป์คือการเพิ่มการจ้างงานในสหรัฐ
ไทม์ไลน์เหตุการณ์สำคัญของสงครามการค้า อเมริกา – จีน
- วันที่ 22 มกราคม 2018 ประธานาธิบดีทรัมป์กำหนดอัตราภาษีและโควต้าการผลิตแผงโซลาร์เซลล์และเครื่องซักผ้าจีน ซึ่งจีนเป็นผู้นำระดับโลกในการผลิตอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์
- วันที่ 8 มีนาคม 2018 ทรัมป์ขอให้จีนพัฒนาแผนเพื่อลดการขาดดุลการค้า 100 พันล้านดอลลาร์ แผนปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนรวมถึงการลดการพึ่งพาการส่งออก
- วันที่ 22 มีนาคม 2018 ฝ่ายบริหารได้ประกาศอัตราภาษีการนำเข้าของจีนมูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์ จีนใช้การโจมตีทางไซเบอร์การจารกรรมและกดดันรัฐบาลเพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่ทันสมัย
- วันที่ 23 มีนาคมจีนประกาศอัตราภาษีสำหรับผลไม้ เนื้อหมู อลูมิเนียมรีไซเคิล และท่อเหล็ก ขึ้นเพิ่ม 3
- วันที่ 26 มีนาคม 2018 ฝ่ายบริหารอเมริกาเริ่มเจรจากับจีน ขอให้จีนลดภาษีนำเข้ารถยนต์ และสหรัฐอเมริกานำเข้าเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯมากขึ้นและให้การเข้าถึงภาคการเงินมากขึ้น
- วันที่ 3 เมษายน 2018 อมเริกาขู่จีนว่าจะเรียกเก็บภาษี 25% จากมูลค่าห้าหมื่นล้านเหรียญสหรัฐในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ การบิน อวกาศ และเครื่องจักรของจีน หลายชั่วโมงต่อมาจีนประกาศขึ้นอัตราภาษี 25% สำหรับการนำเข้าสินค้าจากอเมริกากว่า 106 ชนิด
- วันที่ 18 เมษายน จีนนอัตราภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าอีกสองรายการ ได้แก่ ข้าวฟ่างและเครื่องบิน
- วันที่ 2 พฤษภาคม 2018 จีนยกเลิกสัญญาการนำเข้าถั่วเหลืองทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา
- ในเดือนกรกฎาคม 2018 ราคาถั่วเหลืองลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี
- วันที่ 5 เมษายน 2018 ทรัมป์คุกคามภาษีจากการนำเข้าของจีนมากกว่า แสนล้าน
- วันที่ 10 เมษายน 2018 จีนประกาศว่าจะลดภาษีรถยนต์นำเข้า แต่ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่เห็นว่ามันถูกกว่าที่จะสร้างในจีนโดยไม่คำนึงถึงภาษี
- วันที่ 4 พฤษภาคม 2018 ฝ่ายบริหารอเมริกาขอให้จีนลดการขาดดุลการค้าลง สองแสนล้านเหรียญสหรัฐและลดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าอเมริกาภายในปี 2563 โดยขอให้จีนยุติการอุดหนุนแก่บริษัทเทคโนโลยี และหยุดการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของอเมริกา
- วันที่ 15 พฤษภาคม 2018 จีนตกลงที่จะอนุญาตให้ Qualcomm ได้รับ NXP เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่สหรัฐอเมริกาจะระงับภาษีในบริษัทโทรคมนาคมของจีน ZTE
- อุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโตของจีน จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทรัมป์กำหนดอัตราภาษี
- วันที่ 21 พฤษภาคม 2018 จีนตกลงที่จะลดภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐฯจาก 25% เป็น 15% มันจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 กรกฎาคม
- วันที่ 29 พฤษภาคม 2018 อเมริกากล่าวว่าจะกำหนดเป้าหมายการนำเข้าจากจีนมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยัง จำกัด การให้เทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาในประเทศจีน
- วันที่ 6 กรกฎาคม 2018 ภาษีของสหรัฐฯมีผลบังคับใช้กับการนำเข้าของจีนมูลค่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จีนตอบโต้ด้วยอัตราภาษี 40% สำหรับรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา เทสลาประกาศว่าจะสร้างโรงงานในเซี่ยงไฮ้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี จีนยังประกาศอัตราภาษีศุลกากรสำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ
- วันที่ 24 กรกฎาคม 2018 ทรัมป์ประกาศว่าเขาจะเสนอเงินช่วยเหลือจำนวน กว่าหมื่นล้านดอลลาร์แก่เกษตรกรชาวอเมริกัน
- วันที่ 11 กรกฎาคม 2018 ฝ่ายบริหารได้ประกาศอัตราภาษี 10% สำหรับการนำเข้าของจีนอีก $ 200 พันล้าน มีผลบังคับใช้ในกลางเดือนกันยายน 2018
- หลายสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งกลางภาคในปี 2018 สหรัฐอเมริกาได้ขู่ว่าจะเก็บภาษี 25% หลังจากวันที่ 1 มกราคม 2019 สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคที่หลากหลายรวมถึงปลากระเป๋ายางรถยนต์กระเป๋าถือเฟอร์นิเจอร์เครื่องแต่งกายและที่นอน
- จีนขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยการเพิ่มอัตราภาษีสำหรับการส่งออกของสหรัฐฯ หกหมื่นล้านดอลลาร์
- วันที่ 2 สิงหาคม 2018 ฝ่ายบริหารได้ประกาศอัตราภาษี 25% สำหรับสินค้าจีนมูลค่า 16 พันล้านดอลลาร์ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 สิงหาคมนำไปใช้กับอุปกรณ์อุตสาหกรรมเช่นรถแทรกเตอร์ท่อพลาสติกและสารเคมี
- จีนประกาศอัตราภาษี 25% สำหรับสินค้ามูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯซึ่งรวมถึงรถยนต์และถ่านหิน มีผลบังคับใช้ในวันเดียวกัน
- วันที่ 18 กันยายน 2018 อเมริกาได้ประกาศภาษีนำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ภาษี 10% มีผลวันที่ 24 กันยายน 2561 และจะเพิ่มเป็น 25% ในวันที่ 1 มกราคม ภาษีถูกกำหนดไว้ที่สินค้า 5,745 รายการ จำพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อาหารเครื่องมือและของใช้ในบ้าน
- วันที่ 1 ธันวาคม 2018 ทรัมป์ได้พบกับประธานาธิบดีจินผิงของจีนในการประชุม G-20 ทรัมป์ตกลงที่จะชะลอการเพิ่มอัตราภาษี 25% จากวันที่ 1 มกราคม 2019 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2019
- วันที่ 11 ธันวาคมหน่วยงานรัฐบาลกลางต่าง ๆ กล่าวว่าพวกเขาจะประณามจีนว่าขโมยความลับทางการค้าและเทคโนโลยีของสหรัฐฯ กระทรวงยุติธรรมจะฟ้องแฮ็กเกอร์ที่บุกเข้าไปในเครือข่ายของสหรัฐอเมริกา
- ต่อมาในวันนั้นจีนตกลงที่จะลดกลับภาษีรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังตกลงที่จะคืนสิทธิ์การสั่งซื้อการนำเข้าถั่วเหลืองบางส่วนและอนุญาตให้ บริษัท ในสหรัฐอเมริกาเข้าถึงอุตสาหกรรมจีนได้มากขึ้น
- วันที่ 18 มกราคม 2019 จีนตกลงที่จะเพิ่มการซื้อการส่งออกของสหรัฐฯและลดการขาดดุลการค้า
- วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2019 รัฐบาลได้ลดอัตราภาษีศุลกากรลง 25% เดิมมีกำหนดเริ่มต้นวันที่ 1 มกราคมจากนั้นย้ายไปที่ 1 มีนาคม
สรุปการโต้ตอบระหว่างจีน และอเมริกา
จีน: เป้าหมาย เพิ่ม GDP, เพิ่มอำนาจ
- จับมือประเทศที่อยู่ในสมาชิก WTO (องค์การการค้าโลก (World Trade Organization) อย่าง แคนาดา ,สวิตเซอร์แลนด์ ,นอรเวย์ ,ตุรกี ,คอสตาริก้า ,ฮ่องกง ,เวเนซุเอล่า ,สิงคโปร์ ,บราซิล ,เกาหลีใต้ ,เม็กซิโก ,กาต้า ,ไทย ,อินเดีย ,และยุโรป เพื่อที่จะคัดค้านแผนของสหรัฐที่จะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์
- ลดการถือพันธบัตรสหรัฐ ตอนนี้ถืออยู่ที่ระดับ 1.18 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงถือครองไป 5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งพันธบัตรสหรัฐเป็นแหล่งงบประมาณของสหรัฐ
- ลดภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ให้แก่ประเทศตู่ค้ารายอื่น โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคและยานยนต์ โดยจะลดภาษีเหลือ 6.9% จากเดิม 15.7% เพื่อกระตุ้นการนำเข้าจากต่างประเทศ และเพื่อทำให้ประชาชนลดการซื้อของจากสหรัฐ
สหรัฐ: เป้าหมาย เพิ่ม GDP, ลดหนี้, ลดอำนาจจีน
- ดึงยุโรปกลับมาเป็นเพื่อน โดยทรัมป์เสนอยุติการเรียกเก็บภาษีรถยนต์จากยุโรป หากยุโรปปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐ ซึ่งนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ให้ EU ปรับลดอัตราภาษีต่อรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ ทำให้เสียงของ 28 ประเทศในยุโรป ไม่คิดส่งเรื่องไป WTO
- แต่หากมีประเทศฟ้อง WTO จำนวนมาก ทรัมป์อาจตัดสินใจนำสหรัฐออกจาก WTO
- ขึ้นภาษีจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในสินค้าจีน 6,000 รายการ โดยเริ่มเก็บปลายเดือน ก.ย.2018
ผลกระทบ
การที่สหรัฐและจีนเปิดศึกการค้าต่อกันยังอาจเป็นชนวนให้ลัทธิกีดกันการค้า (Protectionism) ขยายตัวไปทั่วโลกอย่างหลีกหนีไม่พ้น และปัญหาใหญ่จากกำแพงภาษีก็คือจะทำให้เกิดการเบนทิศทางการไหลของสินค้าไปยังประเทศอื่นแทนเพื่อระบายสต็อกสินค้า ส่งผลให้หลายประเทศอาจต้องเผชิญกับปัญหาสินค้าล้นตลาด
หากจีนตอบโต้สหรัฐด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าในกลุ่มเนื้อหมู ผลไม้ ถั่ว ไวน์ และท่อเหล็ก จีนมีแนวโน้มที่จะนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ เพื่อทดแทนการนำเข้าจากสหรัฐ ทั้งนี้ สินค้าในกลุ่มผลไม้ ถั่วและธัญพืช เป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการผลิต และสินค้าของไทยก็เป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวจีน สะท้อนได้จากสัดส่วนการนำเข้าที่สูงถึงร้อยละ 7.7 ของมูลค่านำเข้าทั้งหมดของจีน
สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ยังเป็นที่จับตามองไปทั่วโลก เพราะไม่ว่าสหรัฐ ตั้งกำแพงภาษีอะไรมา จีนก็เหมือนจะตอบโต้ให้เท่ากัน ดังนั้นสงครามที่ยังไม่จบ เราก็ต้องคอยจับตาเพื่อที่จะเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบให้ดี
Leave a Reply