เศรษฐกิจฟิลิปปินส์นอกจากจะโตอย่างแข็งแกร่งแล้ว ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจโตเร็วที่สุดในเอเชีย จากการที่ประชากรมีระดับการศึกษาที่สูงและเป็นประเทศที่มีทรัพยากรจำนวนมาก เห็นได้จากการเป็นหนึ่งในผู้ผลิตทองคำ โครเมียมและทองคำ Top 10 ของโลก
นอกจากนี้ในด้านการลงทุน องค์ประกอบต่าง ๆ เป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมสมบูรณ์ ตลอดจนนโยบายส่งเสริมการลงทุน ทำให้ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในศูนย์กลางธุรกิจที่โดดเด่นในเอเชีย
ข้อดี ของการทำธุรกิจในฟิลิปปินส์
- แรงงานฟิลิปปินส์มีทักษะและค่าแรงไม่สูง
- ทำเลของฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ใจกลางเอเชีย เชื่อมต่อกับเมืองหลวงหลัก 4 แห่งในภูมิภาค มีประชากรชาวอาเซียนกว่าล้านคน
- รัฐบาลส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษ และคิดอัตราภาษีแค่ 5% เท่านั้น
- เป็นประเทศที่เปิดกว้างทางการลงทุน อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเป็นเจ้าของบริษัทได้ 100%
- โครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุม ทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมสื่อสาร ระบบคมนาคมและขนส่ง รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ
- เข้าถึงตลาดอาเซียนได้ง่าย และมีโอกาสทางการค้ามากมาย
จะเริ่มต้นทำธุรกิจในฟิลิปปินส์ได้อย่างไร?
ฟิลิปปินส์ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่สำหรับ Leisure เท่านั้น แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการประกอบธุรกิจของนักลงทุนต่างชาติสะดวกมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลออกนโยบายส่งเสริมการลงทุน ผ่านโครงการลงทุน Build-Operate-Transfer (BOT) ซึ่งเป็นโครงการที่ลดความซับซ้อนในการทำธุรกิจ เพื่อให้นักลงทุนทำธุรกิจในฟิลิปปินส์ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ตามนโยบายที่รัฐบาลใช้จูงใจการลงทุนจากต่างชาติ มีรายละเอียด ดังนี้
1. เลือกโครงสร้างธุรกิจ
สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการทำธุรกิจในสิงคโปร์ ขั้นตอนแรกผู้ประกอบการจะต้องเลือกโครงสร้างองค์กร โดยการพิจารณาขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจและต้นทุนที่มี นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือผู้ประกอบการจะต้องเลือกรูปแบบการจัดตั้งบริษัทว่าจะมีเจ้าของคนเดียว หุ้นส่วนธุรกิจ หรือหรือนิติบุคคล
2. ลงทะเบียนชื่อธุรกิจ
ขั้นตอนต่อไปคือ การจดทะเบียนชื่อธุรกิจ โดยผู้ประกอบการจะต้องยื่นจดทะเบียนกับหน่วยงาน ตามประเภทของธุรกิจ แบ่งเป็น
- กิจการที่มีเจ้าของคนเดียว – กรมการค้าและอุตสาหกรรม (DTI)
- นิติบุคคลหรือห้างหุ้นส่วน -สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- เป็นเจ้าของร่วมกัน หรือในรูปแบบสหกรณ์ – หน่วยงานพัฒนาสหกรณ์
ทั้งนี้ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนชื่อ จะมีค่าใช้จ่าย 40-120 เปโซฟิลิปปินส์ (PHP)
3. จ่ายเงินฝากขั้นต่ำ
ขั้นตอนต่อมา ผู้ประกอบการจะต้องฝากเงินขั้นต่ำในบัญชีธนาคาร โดยเงินขั้นต่ำอยู่ที่ 5,000 PHP ซึ่งก่อนจะเปิดบัญชี ผู้ประกอบการจะต้องยื่นเอกสารเกี่ยวกับจดทะเบียนบริษัทและเอกสารระบุตัวตนกับทางธนาคาร
4. ลงทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
สำหรับขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เนื่องจาก ก.ล.ต.ฟิลิปปินส์ เป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล มีหน้าที่ดูแลบริษัทจดทะเบียน ธุรกิจที่ต้องการจดทะเบียนในฟิลิปปินส์ จะต้องเตรียมเอกสาร เพื่อยื่นต่อก.ล.ต. ดังนี้
- ชื่อบริษัทที่ได้รับการอนุมัติแล้ว
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
- หนังสือรับรองผู้ดูแลบัญชีของบริษัท
- งบแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน
- ข้อมูลสำคัญของบริษัท ซึ่งประกอบด้วย รายชื่อกรรมการ ผู้ถือหุ้นและพนักงานบริษัท
5. การรับรองเอกสาร
ก่อนที่นักลงทุนจะยื่นจดทะเบียนกับสำนักงานก.ล.ต. ขอย้ำว่าเอกสารทั้งหมดจะต้องมีผู้ดูแลบัญชีของบริษัทหรือ Audit รับรองความถูกต้องก่อนยื่นจดทะเบียนตามขั้นตอนในข้อที่ 4 ซึ่งการรับรองเอกสารนี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายธุรกิจ มาตราที่ 14 และ 15 โดยการรับรองเอกสารจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 1 วัน และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 500 PHP
6. รับหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (TIN)
เมื่อนักลงทุนจดทะเบียนบริษัทกับสำนักงานก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้จะทางสำนักงานก.ล.ต.จะออกหมายเลข TIN ให้อัตโนมัติ ซึ่งนักลงทุนจะต้องใช้เวลารอประมาณ 2 วันทำการ
7. ลงทะเบียนกับสำนักงานสรรพากรพื้นที่ (BIR)
ในขั้นตอนนี้นักลงทุนจะต้องยื่นลงทะเบียนกับสำนักงานสรรพากรพื้นที่ (BIR) เพื่อขออำนาจในการพิมพ์ใบแจ้งหนี้และรายการเดินบัญชีของบริษัท ซึ่งขั้นตอนในข้อนี้ก็สำคัญเช่นเดียวกัน เนื่องจากการยื่นลงทะเบียนจะทำให้นักลงทุนทราบว่าจะต้องจ่ายภาษี และค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรายปีประมาณเท่าไร ซึ่งเมื่อขั้นตอนแล้วเสร็จ ทาง BIR จะประทับตราในใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงินและในสมุดบัญชีของบริษัท
8. การออกหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจ
สำหรับการออกใบรับรองการประกอบธุรกิจนั้น นักลงทุนจะต้องติดต่อสำนักงานรัฐบาลท้องถิ่น ที่ Barangay hall โดยจะต้องยื่นแบบการจดทะเบียนธุรกิจ หนังสือรองรับการจดทะเบียนของสำนักงานก.ล.ต. ข้อบังคับของบริษัท สัญญาเช่าและแผนธุรกิจ โดยค่าธรรมเนียมสำหรับการยื่นเอกสาร หรือทำ Barangay Clearance จะอยู่ที่ 300-1,000 PHP
9. การชำระภาษีชุมชนประจำปี
นักลงทุนสามารถสามารถชำระภาษีชุมชนประจำปีและภาษีเพิ่มเติมได้ที่ City Treasurer’s Office (CTO) โดยภาษีขั้นพื้นฐานที่จ่ายแต่ละปี จะขึ้นอยู่กับกิจกรรมของบริษัท โดยจ่ายสูงสุดไม่เกิน 500 PHP อย่างไรก็ตามอัตราภาษีที่นักลงทุนต่างชาติจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับการประเมินมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ เงินปันผลและรายได้ของบริษัท
10. ขอใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ
นักลงทุนสามารถขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจธุรกิจในฟิลิปปินส์จาก Business Permits and Licensing Office (BPLO) ทั้งนี้จะต้องขอใบรับรองอื่น ๆ ที่มีความสำคัญต่อการประกอบธุกิจ เช่น ใบรับรองการตรวจสถานประกอบการ ใบรับรองการใช้เครื่องจักร ใบรับรองการตรวจระบบไฟฟ้า ใบรับรองการตรวจด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย เป็นต้น
11.การลงทะเบียนกับระบบประกันสังคม (SSS)
การลงทะเบียนกับระบบประกันสังคม ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าธุรกิจจะต้องมีจำนวนพนักงานขั้นต่ำกี่คน ทุกธุรกิจสามารถยื่นลงทะเบียนได้หมด ซึ่งเอกสารที่ใช้ประกอบ มีดังนี้
- แบบฟอร์มการลงทะเบียนนายจ้าง (แบบ R-1)
- รายงานการจ้างงาน (แบบ R-1A)
- รายชื่อพนักงาน (ที่ต้องระบุวันเกิด ตำแหน่ง เงินเดือนและวันที่จ้างงาน)
- ข้อบังคับการจัดตั้งบริษัทตามกฎหมาย และการจดทะเบียนกับทางสำนักงาน ก.ล.ต.
ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่กำลังวางแผนที่จะทำธุรกิจในฟิลิปปินส์ นโยบายการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล ถือเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก ที่สามารถเข้าถึงโอกาสและเข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพ
หากนักลงทุนต้องการคำแนะนำ หรือคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถติดต่อ Interloop ซึ่งเรามีประสบการณ์ช่วยนักลงทุนจดทะเบียนในต่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญของเราจะเป็นที่ปรึกษาให้กับคุณตั้งแต่ขั้นตอนการเริ่มต้นการทำธุรกิจในฟิลิปปินส์ การศึกษากฎหมายธุรกิจ การจัดการบัญชี การเสียภาษี และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่นักลงทุนจะต้องทราบ ก่อนเริ่มต้นเปิดบริษัทในฟิลิปปินส์
Leave a Reply