ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอหรือไม่

1024 683 admin

ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอหรือไม่

การได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)  ผู้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่บีโอไอระบุในบัตรส่งเสริมการลงทุน ซึ่งการจะเป็นบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนนั้น มีสิ่งที่นักลงทุนจะทราบ ดังนี้

  • ประเภทกิจการที่รับการส่งเสริมการลงทุนได้ มีทั้งหมด 8 หมวดธุรกิจ (อาจจะมีเงื่อนไขพิเศษ ขึ้นอยู่กับประเภทกิจการ)
  • อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) หรือภาระหนี้ของบริษัท ไม่ควรจะสูงกว่าส่วนของทุน
  • บริษัทใหม่หรือบริษัทที่พร้อมทำตามเงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน

อย่างไรก็ตามการให้สิทธิประโยชน์การลงทุนอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบีโอไอในการให้ส่งเสริมการลงทุน

รายการธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริม

ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการขอรับคำส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ นักลงทุนจะต้องตรวจสอบก่อนว่าธุรกิจของตนอยู่ในธุรกิจ 8 ประเภทตามรายชื่อต่อไปนี้หรือไม่
1.เกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร
2.อุตสาหกรรมเบา
3.แร่ เซรามิกส์และโลหะขั้นพื้นฐาน
4.เคมีภัณฑ์ พลาสติกและกระดาษ
5.การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
6.กิจการบริการและสาธารณูปโภค
7.อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
8.ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง

ธุรกิจที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนได้

เนื่องจากมีบางธุรกิจที่ไม่เข้าเงื่อนไขการอนุญาตการลงทุนจากบีโอไอ เพราะฉะนั้นนักลงทุนจะต้องตรวจสอบก่อนยื่นขอรับการส่งเสริม โดยสามารถเช็ครายชื่อได้ในเว็บไซต์ทางการของบีโอไอ ที่เว็บไซต์ https://www.boi.go.th/index.php

เงื่อนไขการลงทุนขั้นต่ำ

ทุนจดทะเบียนรวมกันต้องมาจากเจ้าของธุรกิจและผู้ถือหุ้นที่ดำเนินการตามแผนของบริษัท โดยทุนจดทะเบียนบริษัทต้องมีทุนอย่างน้อย 1 ล้านบาท

สำหรับรายละเอียดของทุนจดทะเบียน สามารถรวมสินทรัพย์ที่จับต้องได้ ต้นทุนการก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ เครื่องจักร สามารถใช้แทนเงินสดได้ทั้งหมด ยกเว้นมูลค่าที่ดิน งบเงินเดือน ต้นทุนสินค้าและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการในบริษัท ไม่นับรวมเป็นเงินลงทุน

การรักษาระดับ D/E สำคัญอย่างไร?

อัตราส่วนหนี้ของบริษัท เป็นตัวแสดงสถานะทางการเงินของบริษัท โดยมูลค่าการก่อหนี้ที่มากที่สุดที่บีโอไอจะอนุมัติให้บริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนคือ 3:1  หรือหมายถึงว่า หนี้ของบริษัทจะสูงกว่าส่วนทุนได้มากที่สุด 3 เท่า หากสูงกว่านี้จะไม่ผ่านการขอรับคำส่งเสริมฯ เนื่องจากบีโอไออยากมั่นใจว่าบริษัทสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แม้ว่าจะเป็นหนี้หรือมีการกู้ยืมเงินสำหรับทำธุรกิจ ทั้งนี้อัตรา D/E จะปรากฎอยู่ในงบการเงินของบริษัท ดังนั้นหากบริษัทสามารถรักษาระดับ D/E ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตามประเภทธุรกิจ จะมีโปรไฟล์ที่ดีกว่า แม้ว่ามีธุรกิจบางประเภทที่ระดับ D/E สูงไม่ได้หมายถึงว่าบริษัทไม่มีความสามารถในการดำเนินกิจการ

ดังนั้นการรักษาระดับ D/E จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่เฉพาะบริษัทใหม่ที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนเท่านั้น แต่รวมถึงบริษัทที่ดำเนินการอยู่แล้วทั่ว ๆ ไปด้วย เพราะ D/E จะเป็นตัวบอกภาระหนี้ของกิจการหรือความั่นคงของส่วนทุนของบริษัท

เงื่อนไขของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน

เงื่อนไขทั่วไปที่ทุกธุรกิจจะต้องปฏิบัติตาม มีอยู่ 2 ประการ ดังนี้
1.ทุกธุรกิจจะต้องมีการจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการกำจัดขยะเปียกและการลดการทำลายสิ่งแวดล้อม
2.ทุกบริษัทจะต้องมีเปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำในการเพิ่มมูลค่าสินค้า

รายละเอียดของกิจการบางประเภทที่น่าสนใจ

เกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร : ธุรกิจเกษตรจะได้รับสิทธิประโยชน์ขั้นต่ำ 10% ตัวอย่างเช่น การเพิ่มมูลค่ามะพร้าว โดยการแปรรูปเป็นน้ำมะพร้าว เพื่อเพิ่มราคาสินค้าและบริการ

การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม : บริษัทที่จดทะเบียนกับสำนักงส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) และมีการพัฒนาซอฟท์แวร์ จะลดค่าใช้จ่ายการบริหารงานในส่วนการจ่ายเงินเดือนลงได้ เช่มเดิมบริษัทมีการจ่ายเงินเดือนพนักงานอย่างน้อย 1.5 ล้านบาทต่อปี หากบริษัทใช้ซอฟท์แวร์ทดแทน ก็จะไม่มีรายจ่ายส่วนนี้

 ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง : เจ้าของโรงงานที่อยากยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน ควรจะนำเครื่องจักรไปหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ไม่เช่นนั้นจะขอบีโอไอไม่ผ่าน

อุตสาหกรรมเบา : ทุกอุตสาหกรรมเบาจะได้รับการเพิ่มสิทธิประโยชน์อย่างน้อย 20% ตัวอย่างเช่น การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรกรรม โดยการแปรรูปมะพร้าว

สิทธิประโยชน์ตามลำดับความสำคัญของประเภทกิจการ (Activity-based Incentives)

เงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุน หากเป็นประสิทธิประโยชน์ด้านอื่น ๆ ส่วนใหญ่บริษัทจะได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากัน ยกเว้นการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่จะต่างกันตามระดับ โดยการจัด Level การให้สิทธิประโยชน์วัดจาก

  • ความสามารถของบริษัท
  • ดีมานด์ในตลาดในประเทศไทย
  • ความได้เปรียบของการทำธุรกิจ เมื่อเทียบกับธุรกิจประเภทเดียวกัน

ระดับ A1 ถือว่าเป็นระดับที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด โดยเป็นธุรกิจที่อยู้ในอุตสาหกรรมฐานความรู้ เน้นการออกแบบ ทำวิจัยและพัฒนา (R&D)  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี ไม่จำกัดวงเงิน และได้รับยกเว้นอากรเครื่องจักรและวัตถุดิบ Non-tax

ประกอบด้วยกิจการดังต่อไปนี้

  • บริษัทวิจัยและพัฒนา
  • บริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์
  • บริษัทไอทีที่มีบริการดิจิทัล ระบบคลาวด์และเขตอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ประเทศไทย (Software Parks)

ระดับ A2 เป็นบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนมากรองเป็นลำดับที่ 2 ในกิจการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาประเทศ หรือกิจการที่ใช้เทคโนโลยีสูง หรือในอุตสาหกรรมพื้นฐานสำคัญที่มีการลงทุนในประเทศน้อยหรือยังไม่มีการลงทุน โดยบริษัทจะได้รับการยกเว้นภาษเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และยกเว้นอากรเครื่องจักรและวัตถุดิบ Non-tax

ระดับ A3 อุตสาหกรรมซอฟท์แวร์และภาคการผลิตที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศบ้างแล้ว บริษัทจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 5 ปี และยกเว้นอากรเครื่องจักรและวัตถุดิบ Non-tax

ระดับ A4 เป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีคล้ายกับ A1, A2 และ A3 แต่มีการใช้เทคโนโลยีน้อยกว่า โดยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับคือ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปี ยกเว้นอากรเครื่องจักรและวัตถุดิบ Non-tax

และระดับ B1 อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีที่ไม่สูง แต่สำคัญต่อ Value chain ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับการลดหย่อนภาษีนิติบุคคล แต่จะได้รับการยกเว้นภาษีการนำเข้าเครื่องจักร

ประกอบด้วยกิจการ ดังนี้

  • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
  • บริษัทโลจิสติกส์
  • ธุรกิจผลิตพลาสติก

ส่วนในระดับที่ต่ำกว่า B2 จะเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเลย

นอกจากนี้แล้วหากธุรกิจของคุณอยู่ในรายชื่อธุรกิจเทคโนโลยีขั้นสูง จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 10 ปี (เงื่อนไข : ร่วมมือกับศูนย์วิจัยหรือศูนย์พัฒนาการเรียนรู้ของบีโอไอ) ประกอบด้วย

  • เทคโนโลยีชีวภาพและนาโนเทคโนโลยี
  • เทคโนโลยีวัสดุขั้นสูง
  • เทคโนโลยีดิจิทัล
โบนัสเพิ่มเติมจากบีโอไอ!

ทั้งนี้บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์มากขึ้น หรือได้รับโบนัสจากบีโอไอ หากทำตามเงื่อนไขที่ระบุไว้คือ ต้องมีจำนวนพนักงานและมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำสำหรับทุกสถานที่ตั้งของสถานประกอบการ จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่ม ดังนี้

  • การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี
  • การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี
  • การหักภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดหาสาธารณูปโภค

เพราะฉะนั้นหากบริษัททำตามเงื่อนไขที่บีโอไอระบุไว้ และได้รับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติม จะยิ่งช่วยให้บริษัทมีความได้เปรียบในการทำธุรกิจ

 

สำหรับท่านใดที่สนใจยื่นขอ BOI สามารถติดต่อได้ที่บริษัท InterLoop Solutions & Consultancy Co.,Ltd. โทร 097-106-9113 ID Line: @inlps ทางเรามีบริการให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญที่จะทำให้งานคุณสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย

Leave a Reply

Your email address will not be published.