นักธุรกิจต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจในเวียดนามได้
ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจในเวียดนามได้ แต่อาจจะมีข้อจำกัดในบางอุตสาหกรรม เช่น การท่องเที่ยว การโฆษณา การบันเทิง ที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีผู้ถือหุ้นเป็นชาวเวียดนาม แต่ธุรกิจส่วนใหญ่นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของต่างประเทศได้ 100%
การลงทุนในเวียดนาม จะต้องจดทะเบียนในรูปแบบบริษัท เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากการลงทุนตามกฎหมาย ซึ่งแต่ละบริษัทจะต้องมีใบรับรองการจดทะเบียนธุรกิจหรือ ERC ทั้งนี้บริษัทต่างชาติที่มีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติส่วนใหญ่ จะต้องรับได้รับใบรับรองการจดทะเบียนการลงทุน (IRC) โดยนักลงทุนต่างชาติจะต้องยื่นขอ IRC กับทางหน่วยงานหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง นั่นก็คือกรมวางแผนและการลงทุน ประจำจังหวัดหรือเมือง
ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาติเป็นเจ้าของ 100%
- การค้าส่ง
- การค้าปลีก
- การผลิต
- การบริการ
- ศูนย์ฝึกอบรมระยะสั้น
- อาหารและเครื่องดื่ม
- เทคโนโลยีสารสนเทศ
แม้ว่าการลงทุนเวียดนามจะเอื้อต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ จากการอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ แต่ก็มีเงื่อนไขอยู่บ้างเช่นกัน โดยกฎหมายระบุว่าในบริษัทจะต้องมีกรรมการอย่างน้อย 1 คนที่มีถิ่นที่อยู่ในเวียดนาม และหากเจ้าของธุรกิจไม่ใช่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในเวียดนาม จะต้องแต่งตั้งผู้อำนวยการประจำถิ่น
เงื่อนไขการลงทุนขั้นต่ำสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
ธุรกิจส่วนใหญ่สามารถลงทุนได้ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเงินทุนขั้นต่ำ แต่ธุรกิจจะต้องมีทุนจดทะเบียนที่ผ่านการวางแผนมาแล้ว รวมถึงต้องเป็นมูลค่าที่เป็นความจริงและเป็นเหตุเป็นผล ทั้งนี้ธุรกิจจะต้องคำนึงต้นทุนและรายได้ในอนาคต ดังนั้นหากมีค่าใช้จ่ายในบริษัทค่อนข้างต่ำ เงินทุนจดทะเบียนจึงไม่เป็นจำเป็นที่จะต้องมีมูลค่าสูง
เมื่อวางแผนเงินทุนของบริษัท ให้พิจารณาสิ่งต่อไปนี้
- เงินลงทุนเป็นวิธีที่ทำให้บริษัทไม่ต้องเสียภาษีการลงทุน
- หากบริษัทหมดเงินลงทุน สามารถเพิ่มเงินลงทุนได้ แต่ขั้นตอนการดำเนินการต้องใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา กฎหมายเวียดนามระบุว่าบริษัท ต้องมีเงินลงทุนอย่างน้อย 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับผู้ก่อตั้งและผู้ติดตาม เพื่อรับบัตรผู้มีถิ่นพำนัก (Resident Card) ซึ่งผู้ก่อตั้งบริษัทมีสิทธิ์ได้รับวีซ่านักลงทุน แต่วีซ่านี้ไม่สามารถใช้ได้กับผู้ติดตาม อย่างไรก็ตามผู้ก่อตั้งจะได้รับการยกเว้นการขอใบอนุญาตทำงานจนถึงเดือนมกราคม 2564
บริการให้คำปรึกษาและบริการไอที
นักลงทุนต่างชาติสามารถให้คำปรึกษาหรือทำวิจัยการตลาดได้ในสเกลขนาดเล็ก โดยเงินทุนกำหนดขั้นต่ำ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีสถานที่เฉพาะ เช่นเดียวกับธุรกิจไอที อย่างการออกแบบเว็บไซต์
ค้าส่ง ค้าปลีก และอีคอมเมิร์ซ
ค้าส่งและค้าปลีกเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนในสเกลขนาดเล็ก เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีสถานที่เฉพาะ ดังนั้นด้วยรูปแบบการลงทุนจึงช่วยลดต้นทุนได้ ทั้งนี้ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกใช้เงินทุนขั้นต่ำ 10,000-20,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ร้านอาหาร
เงินลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเช่นร้านอาหาร ควรมีเงินลงทุนมูลค่าประมาณ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่สำคัญคือ “ที่ตั้งของร้านอาหาร” เป็นองค์ประกอบสำคัญในการกำหนดต้นทุนของธุรกิจประเภทนี้ ดังนั้นนักลงทุนจะต้องพิจารณาค่าเช่าสถานที่ สำหรับการทำธุรกิจร้านอาหารในเวียดนาม
โรงเรียนสอนภาษาและศูนย์ฝึกอบรม
โรงเรียนสอนภาษาก็ค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนต่างชาติ โดยเงื่อนไขการลงทุนขั้นต่ำที่จำเป็นสำหรับธุรกิจนี้ จะอยู่ที่ 20 ล้านดอง หรือประมาณ 900 ดอลลาร์สหรัฐต่อนักเรียนหนึ่งคน อย่างไรก็ตามการกำหนดเงินทุนนั้น ผู้ประกอบการจะต้องประเมินจำนวนนักเรียนก่อน หากจำนวนนักเรียนทั้งหมดเกินเงินลงทุนที่ประมาณการไว้ สามารถเพิ่มทุนได้ นอกจากนี้แล้ว ธุรกิจประเภทนี้ควรมีสำนักงานบริหารและห้องพักครู รวมถึงควรจะมีห้องอเนกประสงค์ และมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการสอน โดยพื้นที่การสอนที่เหมาะเหมาะสม ควรมีพื้นที่ 2.5m2
อัตราภาษีธุรกิจในเวียดนาม
อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลในเวียดนาม จัดเก็บในอัตรา 20% ส่วนบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานหรือทรัพยากรแร่ต้องจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 32-50% ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้ง ในทางตรงกันข้ามกัน ธุรกิจส่วนใหญ่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่นการยกเว้นภาษีหรือลดอัตราภาษี ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมหรือสถานที่ตั้งของธุรกิจ
ตัวอย่างเช่น การยกเว้นภาษี 4 ปี ในอุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรม อัตราภาษีสำหรับธุรกิจประเภทนี้อาจต่ำเพียง 5% (ขึ้นอยู่กับที่ตั้งของธุรกิจ) ส่วนอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ได้รับการยกเว้นภาษี เช่น การเกษตร การดูแลสุขภาพ และภาคการผลิตที่มีผลิตภัณฑ์ระดับสูง
หลังจากชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล ผู้ก่อตั้งบริษัทจะได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัท หากบริษัทมีผู้ก่อตั้งมากกว่า 1 คน ผู้ก่อตั้งแต่ละคนจะต้องจ่ายภาษี 5% จากเงินปันผล ทั้งนี้หากบริษัทมีผู้ก่อตั้งเพียงคนเดียว ไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีเพิ่มเติม ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ทำธุรกิจในเวียดนามหลายธุรกิจ เงินปันผลที่นักลงทุนได้รับจากธุรกิจนั้นแยกจากกัน เงินปันผลของนักลงทุนในธุรกิจหนึ่ง จะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินปันผลจากธุรกิจอื่น
วัฒนธรรมธุรกิจในเวียดนาม
วัฒนธรรมทางธุรกิจของเวียดนามเป็นระบบอาวุโส ดังนั้นนักลงทุนควรแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสเสมอ เมื่อพูดถึงเพื่อนร่วมงานทางธุรกิจที่มีอายุมากกว่า ส่วนการเรียกชื่อ นิยมเรียกชื่อจริงมากกว่านามสกุล ส่วนการทักทายหากเป็นเพื่อนร่วมงานที่มีอายุมากกว่า ควรโค้งคำนับเล็กน้อย ขณะที่นักธุรกิจรุ่นน้องจะทักทายกันด้วยการจับมือกัน
ทำไมต้องเริ่มทำธุรกิจในเวียดนาม?
การลงทุนในเวียดนามมีข้อดีหลายประการ อันดับแรก เวียดนามประชากร 90 ล้านคน ขณะเดียวกันการบริโภคภายในประเทศแข็งแกร่ง เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาและเปิดกว้างสู่ความเป็นสากลพร้อมต้อนรับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจึงโตต่อเนื่องในระดับสูง นอกจากนี้แล้วข้อดีของการลงทุนในเวียดนามคือตลาดแรงงานมีขนาดเล็ก การจ้างงานอยู่ในอัตราที่ไม่แพง และมีค่าครองชีพที่ต่ำ จึงเห็นการลงทุนจองจีนในเวียดนามอย่างมีนัยสำคัญ
Leave a Reply