คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มองเห็นโอกาสท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง

900 479 admin

การแพร่ระบาดทำให้เกิดโอกาสทางการลงทุนมากขึ้นสำหรับประเทศไทยในด้านบริการทางการแพทย์ สุขภาพ และเทคโนโลยีขั้นสูง รัฐบาลตั้งเป้าให้ปีหน้าเป็นปีแห่งการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการลงทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมและบริการให้มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อธิบายถึงบทบาทของคณะกรรมการในการสนับสนุนให้นักลงทุนไทยและต่างชาติใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยเพื่อดึงดูดการลงทุนมากขึ้น

ถาม: อะไรคือความพยายามอย่างต่อเนื่องของ BOI ในการปรับปรุงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อดึงดูดคนงานที่มีทักษะและมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

ตอบ: ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้อนุมัติหลักการเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เพื่อปรับปรุงโครงการสมาร์ทวีซ่าสำหรับ “Technology Freelancer” จากต่างประเทศ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง นวัตกรรม และสตาร์ทอัพของไทย

BOI ยังตั้งเป้าที่จะรวมกลุ่มคนที่มีความสามารถในประเทศไทย เพื่อให้บริษัทเอกชนหรือหน่วยงานของรัฐสามารถจ้างเทคฟรีแลนซ์ได้ในขณะที่พวกเขาอยู่ในประเทศ

เทคฟรีแลนซ์จำนวนมากอาศัยอยู่ทั่วประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ หรือเกาะพะงันในสุราษฎร์ธานี ส่วนใหญ่ถือวีซ่าท่องเที่ยวซึ่งอนุญาตให้อยู่ได้เพียงสามเดือน แต่หลายคนอยู่ต่ออย่างผิดกฎหมาย

หน่วยงานดังกล่าวมีกำหนดจะเสนอโครงการสมาร์ทวีซ่าที่แก้ไขแล้วต่อคณะรัฐมนตรีในเดือนนี้ โดยกำหนดเป้าหมายไปที่เทคฟรีแลนซ์

ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการจะต้องมีรายได้อย่างน้อย 50,000 บาทต่อเดือน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถจ้างฟรีแลนซ์เหล่านี้เพื่อทำงานให้กับบริษัทของตนได้

ผู้ที่ผ่านการอนุมัติได้รับสิทธิพิเศษเทียบเท่ากับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี โดยมีวีซ่าต่ออายุได้สูงสุด 2 ปี ไม่ต้องมีใบอนุญาตทำงาน ขยายเวลารายงานตัวกับตม. ที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จจากทุก 90 วันเป็น 1 ปี ไม่ต้องขอใบอนุญาตในการเข้าออกประเทศ สามารถเข้าถึงบริการด่วนที่สนามบินนานาชาติในประเทศ คู่สมรสและบุตรจะได้รับอนุญาตให้พำนักในประเทศ และคู่สมรสจะได้รับอนุญาตให้ทำงานโดยไม่ต้องมีใบอนุญาตเป็นระยะเวลาเท่ากับผู้ถือสมาร์ทวีซ่า

BOI เริ่มต้นโครงการสมาร์ทวีซ่าตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูง ผู้บริหารระดับสูง นักลงทุน ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ และคู่สมรส โดยสามารถได้รับการยกเว้นวีซ่าสูงสุด 4 ปีสำหรับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ BOI ได้อนุมัติคำขอรวม 514 รายในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ถึง 30 พฤศจิกายน 2563

เมื่อเร็ว ๆ นี้ BOI ได้ดำเนินโครงการพิเศษเพื่อดึงดูดบริษัทไทยและต่างชาติที่ตกลงจะพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ลงทุนในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงปรับการผลิตเป็นระบบอัตโนมัติ นโยบายนี้จะช่วยให้คนงานยกระดับความสามารถและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงจากการใช้เทคโนโลยี

ถาม: BOI มีนโยบายอย่างไรในการสนับสนุนประเทศไทยในฐานะสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคและส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางการจัดซื้อระดับโลก

ตอบ: เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน คณะกรรมการอนุมัติให้สามารถจัดตั้งกิจการศูนย์จัดหาจัดซื้อชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศได้อีกครั้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างสถานะของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการลงทุนในภูมิภาค

ธุรกิจประเภทนี้จะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรและวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตสินค้าส่งออก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายส่งเสริมการพัฒนาซัพพลายเชนของประเทศ

BOI คาดว่ากิจการศูนย์จัดหาจัดซื้อชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศจะช่วยสนับสนุนนโยบายในการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศและสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ

BOI เริ่มอนุมัติให้มีการจัดตั้งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center, IBC) และสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters, IHQ) ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบันมีโครงการทั้งหมด 318 โครงการได้รับการอนุมัติจาก BOI ประมาณ 40% เป็นของบริษัทญี่ปุ่น และส่วนที่เหลือเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยบริษัทจากสิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และฝรั่งเศส

แบ่งเป็นโครงการในอุตสาหกรรมยานยนต์ 16% เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 10% เครื่องจักรและอุปกรณ์ 10% และเคมีภัณฑ์ 8% ส่วนที่เหลือเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่หลากหลาย บริษัทที่มีชื่อเสียงซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศไทยแล้ว ได้แก่ ExxonMobil, Ajinomoto, Hoya Corporation, Huawei, Mitsubishi, Sharp และ Panasonic

ถาม: อะไรคือนโยบายของ BOI ในการสนับสนุนการเพิ่มความสามารถในการผลิต

ตอบ: เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน คณะกรรมการ BOI ได้อนุมัติการขยายมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเลื่อนวันสุดท้ายของการยื่นขอสิทธิประโยชน์ออกไปอีก 2 ปีจนถึงสิ้นปี 2565

มาตรการต่าง ๆ รวมทั้งการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 3 ปี ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยตัดคำว่า “การผลิต” ออกเพื่อให้ชัดเจนว่ามาตรการนี้ใช้กับทั้งภาคการผลิตและการบริการ ก่อนหน้านี้ข้อกำหนดดังกล่าวจำกัดเฉพาะการลงทุนในการยกระดับการดำเนินงานอุตสาหกรรมเกษตร แต่ปัจจุบันได้ขยายออกเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องในซัพพลายเชน เช่น โรงงานเฟอร์นิเจอร์และโรงงานกระดาษ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามมาตรฐานความยั่งยืนระหว่างประเทศ

 

ขยายเวลามาตรการสำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษและ 5 จังหวัดภาคใต้

มาตรการที่เกี่ยวข้องกับเขตเศรษฐกิจพิเศษครอบคลุมการส่งเสริมการลงทุนมากกว่า 300 ประเภท ทั้งด้านภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี รวมทั้งมาตรการด้านภาษีเพิ่มเติมสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น สิ่งทอ เกษตรกรรม เฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับ และอื่น ๆ สิทธิประโยชน์เหล่านี้มีให้สำหรับโครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนของประเทศไทย (เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษ 10 แห่งในจังหวัดเชียงราย กาญจนบุรี มุกดาหาร นครพนม นราธิวาส หนองคาย สระแก้ว สงขลา ตาก และตราด) โดย BOI จะเปิดรับคำขอเหล่านี้จนถึงสิ้นปี 2565 รวมถึงยังได้ขยายกำหนดเวลาโครงการลงทุนใน 5 จังหวัดภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี สตูล สงขลา และยะลา) ออกไปอีก 2 ปีจนถึงสิ้นปี 2565

 

InterLoop เราพร้อมให้ความช่วยเหลือนักลงทุนในทุก ๆ ขั้นตอน ในด้านการขอยื่น BOI  ท่านสามารถติดต่อได้ที่ Line ID: @inlps  และ เบอร์โทรศัพท์: 097-106-9113

Leave a Reply

Your email address will not be published.